มาทางนี้ได้เลยจ้า ใครที่กำลังมองหาสกินแคร์หน้าใส มาทำรู้จักสกินแคร์ (SKIN CARE) กันเถอะ

สกินแคร์คืออะไร

สามารถดูสินค้าจริงได้ที่ Euphoria Thailand ทุกสาขา

สกินแคร์ (skin care) คืออะไร ?

สกินแคร์ (Skincare) หรือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีมากมายหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีแยกไปอีกหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามสภาพผิวและปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป สำหรับคนที่เพิ่งมาสนใจหรือศึกษา อาจสงสัยว่าทำไมสกินแคร์ถึงได้มีมากมายขนาดนี้ ไปดูกันดีกว่าว่าทำไมถึงต้องมีสกินแคร์หลายประเภท และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงมีลำดับการใช้อย่างไร?

สกินแคร์หน้าใส

facebook cliv thailand

add line

ทำไมใช้สกินแคร์ถึงช่วยทำให้หน้าใส และรักษาสิว

สิ่งสำคัญในการดูแลบำรุงผิวหน้า ผิวกาย หรือครีมบำรุงต่างๆ  ต้องเลือกเหมาะกับผิวของตนเอง ออกมาในรูปแบบเจล ครีม มอยส์เจอไรเซอร์ต่างๆ  ง่ายๆ ก็คือ จำพวกครีมทาหน้า รอบดวงตา บำรุงผิวกาย หรือครีมที่ ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวของเรา  ที่ไม่ดีให้กลายเป็นดีได้ โดยที่ไม่ต้องศัลยกรรม ไม่ต้องพึ่งหมอ หรือจ่ายแพงๆ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย

สกินแคร์ถึงช่วยทำให้หน้าใส และรักษาสิว

เลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิว

ประเภทของผิว

ก่อนการเลือก “ครีมบำรุงผิว หรือ สกินแคร์ นั้น” ควรต้องรู้จักผิวตัวเองก่อนว่ามีสภาพผิวแบบไหนเพราะการดูแลผิวผิดวิธี จะทำให้สุขภาพผิวของคุณแย่ลงกว่าเดิม

การแบ่งสภาพผิวด้วยตาเปล่า จึงสังเกตเอาความสมบูรณ์สมดุลของการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงมาจำแนกผิวแต่ละประเภท ยิ่งการผลิตน้ำหล่อเลี้ยง(น้ำมัน)บนใบหน้าดี พอเหมาะไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ผิวจะมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น สุขภาพดี ผิวพรรณเปล่ง ริ้วรอยหายาก

ผิวธรรมดา

ก่อนการเลือกครีมบำรุงผิวควรต้องรู้จักผิวตัวเองก่อนว่ามีสภาพผิวแบบไหนเพราะการดูแลผิวผิดวิธี จะทำให้สุขภาพผิวของคุณแย่ลงได้จากเดิม

การแบ่งสภาพผิวด้วยตาเปล่า จึงสังเกตเอาความสมบูรณ์สมดุลของการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงมาจำแนกผิวแต่ละประเภท ยิ่งการผลิตน้ำหล่อเลี้ยง(น้ำมัน)บนใบหน้าดี พอเหมาะไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ผิวจะมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น สุขภาพดี ผิวพรรณเปล่ง ริ้วรอยหายาก

ข้อดี: รูขุมขนแทบจะมองไม่เห็น ใบหน้าไม่มีปัญหาผิวกระ ฝ้า สิว รบกวนเท่าไหร่

ข้อด้อย: ต้องดูแลไม่ให้ขาดความชุ่มชื่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม รักษาน้ำหล่อเลี้ยงให้อยู่ในปริมาณที่สมดุล พอเหมาะไม่เช่นนั้นผิวก็เสียได้เหมือนกัน

การดูแล: เลือกใช้ครีมบำรุงสำหรับผิวธรรมดา ที่ไม่เข้มข้นหรือบางเบาจนเกินไป โดยครีมบำรุงมีลักษณะปกป้องความชุ่มชื้นของผิวระหว่างวัน ทากันแดดทุกวัน สครับผิวอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อคงความอ่อนเยาว์และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

ผิวธรรมดา normal skin

ผิวแห้ง

ลักษณะผิว: ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้น้อยถึงน้อยมาก เวลาล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าแห้งตึงหรือหน้าเป็นขุยเกิดริ้วรอยบางๆได้ง่าย

ข้อดี: ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องรูขุมขน

ข้อด้อย: ริ้วรอยมาเร็ว เวลามีสิว จะรักษายากกว่าคนผิวมัน เพราะผิวจะไวต่อยาบางกลุ่ม จะทำให้ยิ่งแห้ง แดง ลอก เวลาหนาวยิ่งแห้ง ยิ่งระคายเคืองง่าย

การดูแล: ใช้ครีมบำรุงสำหรับผิวแห้ง เนื้อครีมจะเข้มข้นให้ความชุ่มชื้นได้ดี รวมถึงปกป้องการสูญเสียความชุ่มชื้นระหว่างวัน ใช้สเปรย์น้ำแร่เพิ่มความชุ่มชื้นก่อนแต่งหน้าได้ เลือกครีมกันแดดที่ผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีฟอง หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA-BHA น้ำหอม ถ้าชอบทานอาหารเสริมอาจเลือกทานน้ำมันปลาช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น Omega ช่วยลดการอักเสบหรือพวกผื่นแพ้ได้ หลังล้างหน้าเสร็จ เช็ดหมาด ตามด้วยครีมทันที ผิวหมาดจะเก็บความชุ่มชื้นจากครีมและป้องกันการระเหยของครีมได้ดีกว่า สำหรับหน้าหนาวต้องดูแลใช้ผลิตภัณฑ์เข้มข้นให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ

ผิวแห้ง dry skin

facebook cliv thailand

add line

ผิวมัน

ลักษณะผิว: ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมากเกินไป เวลาล้างหน้าแล้วภายใน 2 ชั่วโมง ผิวเริ่มมันทั้ง T-Zone และแก้ม รูขุมขนดูกว้างมีสิวเสี้ยนง่าย สิวหัวดำโดยเฉพาะช่วงจมูก

ข้อดี:  ริ้วรอยเกิดยากกว่าคนผิวแห้ง ไม่ค่อยแพ้ระคายเคืองง่ายเหมือนคนผิวแห้ง

ข้อด้อย: สิวอักเสบเกิดได้บ่อย สิวอุดตันเกิดง่าย

การดูแล:  ใช้โทนเนอร์คุมความมัน AHA ผลัดเซลล์ผิว / BAH ลดความมัน ละลายไขมันอุดตันในรูขุมขน  หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เกี่ยวกับน้ำมัน หน้าร้อนต้องดูแลเป็นพิเศษ อาจทำให้เกิดการผลิตน้ำมันมากเกินไป เกิดสิวอุดตัน กลายมาเป็นสิวอักเสบได้ง่าย ควรเลือกครีมบำรุงเนื้อบางเบาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรน้ำ

ผิวมัน oily skin

ผิวผสม

ลักษณะผิว: มีทั้งแห้งและมันในผิวหน้า แก้มอาจจะแห้งบริเวณจมูกหน้าผากอาจจะมัน ผิวส่วนที่มันสิวจะขึ้นง่าย ส่วนผิวที่แห้งก็มีโอกาสลอกเป็นขุยได้

ข้อดี:  เกิดริ้วรอยยากบริเวณที่มัน ไม่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้างในบริเวณที่ผิวแห้ง

ข้อด้อย: ดูแลยากกว่าทุกสภาพผิว เพราะต้องดูแลแบบผิวมันตรงส่วนที่มัน แบบผิวแห้งตรงส่วนที่แห้ง สิวผดอาจชอบขึ้นบริเวณหน้าผาก การเลือกครีมจึงยากกว่าคนที่ผิวแห้งและมัน

การดูแล: ใช้ครีมสองสูตร ใช้พวก cleanser ที่ ทำความสะอาดใบหน้า 2 สูตร ใช้ทั้งสำหรับแห้ง และ มัน แต่ถ้าต้องเลือกแค่แบบเดียว ให้เน้น ผิวแห้งถึงผิวธรรมดาดีกว่า พยายามคุมความมันโดยใช้โทนเนอร์เช็ดส่บริเวณที่ผิวม

ผิวผสม combination skin

ผิวแพ้ง่าย

ลักษณะผิว: ผิวที่มีความสามารถในการปกป้องผิวลดลง ผิวอักเสบง่าย ผิวอ่อนแอลง สุขภาพผิวไม่แข็งแรง ต้องดูว่าเคยใช้พวกครีม หรือยาทารักษาสิว แล้วทำให้เกิดการระคายเคือง หรือ แห้งลอก บวมแดง เป็นผื่นแพ้ แสบรวมถึงคัน อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่

การดูแล: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเคลือบผิวไว้ ทำหน้าที่เสมือนน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวที่เลียนแบบน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติของมนุษย์ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มี สารกันบูด น้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้วว่า อ่อนโยน ปลอดภัย สำหรับ ผิวแพ้ง่าย อาหารควรทานแมกนีเซียม ปลา และหอยเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันผิวหนังให้แข็งแรง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 2 ตัวในการบำรุงผิว และต้องเป็นสูตรอ่อนโยน

ผิวแพ้ง่าย sensitive skin

facebook cliv thailand

add line

ประเภทของสกินแคร์ (skin care) และประโยชน์

ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด (Skin Cleansing Products)

หน้าที่หลักๆก็คือทำความสะอาด ชำระสิ่งสกปรกให้ออกไปจากผิวกายเรา เช่น เหงื่อ  ขี้ไคล ความมันบนใบหน้าและผิวกาย ฝุ่น มลพิษต่างๆจากสิ่งแวดล้อม หรือแม้กระทั่งเครื่องสำอางที่สาวๆโบกลงไปบนใบหน้า นั่นเอง ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดนั้นมีหลากหลายมาก มีทั้งแบบต้องล้างออกด้วยน้ำ, เช็ดออก, หรือแบบทาทิ้งไว้ได้เลยก็มี (เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ) ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ได้แก่ สบู่ก้อน สบู่เหลว เจลล้างหน้า เจลอาบน้ำ โฟมล้างหน้า ครีมเช็ดเครื่องสำอาง (Cleansing cream/ Cleansing balm) โทนเนอร์เช็ดทำความสะอาด (Cleansing milk, Cleansing water, 2 layers) น้ำมันเช็ดหน้า (Cleansing Oil) แชมพู น้ำยาบ้วนปาก ยาสีฟัน เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด

ผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส (Skin Whitening/Brightening Products)

ผลิตภัณฑ์ Whitening ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสนั้น เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับสาวๆสมัยนี้ เชื่อว่าหลายๆคนคงจะรู้จักและต้องใช้กันอยู่บ่อยๆแน่นอน หน้าที่ๆหลักๆของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ ก็เพื่อช่วยบำรุง ปรับสภาพผิว ให้ผิวแลดูขาวขึ้น และกระจ่างใสขึ้น มีเครื่องสำอางหลายอย่างเลยค่ะที่ได้เพิ่มตัวสารออกฤทธิ์ (Active) ประเภท Whitening ลงไปในเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็น เซรั่ม ครีม โลชั่น โทนเนอร์ โฟมล้างหน้า เป็นต้น แล้วสาวๆรู้ไหมเอ่ยว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ จะใส่สารที่มีกลไกการออกฤทธิ์ทำให้สีผิวจางลง (Depigmenting agent) แบบไหนบ้าง มารู้จักกันแบบคร่าวๆ จะเลือกเอาที่นิยมมาให้สาวๆได้รู้จักกัน

             2.1. ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase: สาเหตุของการเกิดเม็ดสีเมลานิน ปัจจัยต้นๆคือเจ้าเอนไซม์ตัวนี้ ถ้าเราสามารถยับยั้งเอนไซม์นี้เพื่อไม่ให้ไปเกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินได้ ผิวเราก็จะขาวกระจ่างใส

             2.2. ยับยั้งเอนไซม์อื่นๆที่สามารถพบได้ในเซลล์มนุษย์ (Peroxidase): ยังมีเอนไซม์อื่นๆที่มีปัจจัยให้เกิดเม็ดสีเมลานิน สารที่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ก็เช่น AHA (Glycolic acid, Lactic acid) และ BHA (Salicylic acid) นอกจากช่วยยับยั้งเอนไซม์อื่นๆๆแล้ว สาร 2 ตัวนี้ยังมีหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ทำให้ผิวขาวกะจ่างใส , และตัว Ascorbic acid (Vitamin C) นอกจากจะมีหน้าที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์อื่นๆแล้ว ยังมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส

ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น ( Moisturizing Products)

ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น หรือ ที่หลายๆคนเรียกกันติดปากว่า  moisturizer เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสาวๆทุกวัยเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรจะบำรุงอย่างสม่ำเสมอ เจ้าตัวนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของสาวๆ ไม่ให้ผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง ช่วยทำให้ผิวแลดูนุ่มนิ่ม อวบอิ่ม น่าสัมผัส เสมือนผิวเด็ก ถ้าสาวๆเป็นคนผิวแห้งแล้วล่ะก็ ตัวนี้สำคัญมากๆและขาดไม่ได้

ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์สกินแคร์เกาหลีนั้นเพิ่มความชุ่มชื้น หลายรูปแบบมาก เช่น โลชั่น อายครีม แอมพูลเซรั่ม เอสเซ้นส์ มาร์คหน้า  เป็นต้น ซึ่งก็ให้สัมผัสที่แตกต่างกันออกไป และขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวนั้น มีทั้งแบบที่แบบดูดซึมน้ำเข้าสู่ผิว

ก็จะมีสารพวกกลุ่ม Humectants เช่น Glycerine, Propylene glycol, Hyaluronic acid, Na PCA, Urea, Lactic acid, collagen ฯลฯ อยู่ในผลิตภัณฑ์ หรือจะแบบป้องกันน้ำออกจากผิวก็จะเป็นสารพวกกลุ่ม Emollient (หรือ Occlusive agents) เช่น Vegetable & Animal oils and fats, กลุ่ม Fatty acid, Fatty alcohol, Wax ฯลฯ อยู่ในผลิตภัณฑ์

blog what is skincare 10

facebook cliv thailand

add line

ผลิตภัณฑ์ชะลอวัย (Anti-aging Products)

โดยผลิตภัณฑ์ชะลอวัยก็จะมีไปหลายหน้าที่ ที่แก้ปัญหาในแต่ละจุด เช่น ลดฝ้า กระ ลดเลือนริ้วรอย เติมร่องลึก เพิ่มความชุ่มชื้น(เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวก็ถือว่าช่วยชะลอวัยได้นะคะ) ต่อต้านอนุมูลอิสระ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป สร้างผิวใหม่ไฉไลกว่าเดิม เป็นต้น ทีนี้สาวๆก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับปัญหาต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์บางตัวก็สามารถแก่ได้ครบทุกปัญหาในตัวเดียวเลยก็ว่าได้ เพื่อที่หน้าเราจะได้แลดูอ่อนเยาว์ลง

ผลิตภัณฑ์ชะลอวัย

ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและระงับกลิ่นกาย (Antiperspirants & Deodorants Products)

เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ เป็นตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ถ้าเรามีเหงื่อมากแล้วเหงื่อออกมาเยอะๆจนเกิดกลิ่นตัว กลิ่นเปรี้ยว กลิ่นเน่า กลิ่นตุตะ ดังนั้นเราต้องดูแลตัวเองกัน

  • ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (Antiperspirants Products)

เป็นตัวที่ทำหน้าที่ได้ 2 ขั้นตอน คือ ควบคุมเหงื่อและควบคุมกลิ่นตัว (B.O.) โดยขั้นแรกจะคุมและป้องกันเหงื่อบนผิวหนัง ขั้นที่สองจะลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นกายโดยสารออกฤทธิ์ที่มีฤทธิ์ Antimicrobial โดยหลักการทำงานของผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (Antiperspirants) คือ จะมีสารส่วนผสมที่เป็นตัวที่ทำหน้าที่หยุดหรือบล็อกเหงื่อไว้ที่รูขุมขน ละลายตัวเหงื่อให้เกิดเป็นเจลด้านบนรูขุมขน ตัวสารที่ทำหน้าที่นี้คือ “พวกกลุ่มเกลือ” ที่สามารถ form เหงื่อให้เป็นเจลได้ เมื่อไม่มีเหงื่อก็จะไม่มีกลิ่นกาย และผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ(Antiperspirants) ก็จะมีน้ำหอมในส่วนประกอบด้วยเพื่อช่วยสร้างกลิ่นหอมให้กลิ่นกาย(B.O.)ของตัวเรา

  • ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (Deodorants Products)

จะแตกต่างจาก Antiperspirants Products คือ จะทำหน้าที่ได้อย่างเดียวคือลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นกายโดยสารออกฤทธิ์ที่มีฤทธิ์ Antimicrobial เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นตัว (B.O.) แต่จะไม่สามารถคุมเหงื่อและการเกิดเหงื่อได้ จะเน้นไปที่การกำจัดกลิ่นกาย กลิ่นตัวออกจากร่างกาย ซึ่งก็จะมีประสิทธิภาพด้านนี้สูง และจะมีน้ำหอมในส่วนประกอบด้วยเพื่อช่วยสร้างกลิ่นหอมให้กลิ่นกาย(B.O.)ของตัวเรา เช่นเดียวกันกับ Antiperspirants Products

ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและระงับกลิ่นกาย

ผลิตภัณฑ์สิว (Acne Product)

ผลิตภัณฑ์นี้ก็จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสิวสิว ที่ก่อกวนใจสาวๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว ผิวมันเกิดสิวง่าย ผิวแพ้ง่ายเกิดสิวบ่อยๆ หรือผู้ที่เป็นสิวประจำต้องใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ ซึ่งได้มีเครื่องสำอางหลายตัวเลยที่ทำออกมารองรับคนเป็นสิว เช่น เจลล้างหน้า สบู่ ครีมอาบน้ำ ครีมแต้มสิวเฉพาะจุด เจลแต้มสิว ฯลฯ เป็นต้น

ซึ่งสิวมีหลายประเภท หลายชนิด ดังนั้นเราต้องเลือกตัวยาที่เหมาะกับชนิดสิวนั้นๆ อีกทั้งต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ อย่าไปใช้อะไรสุ่มสี่สุ่ม เพราะอาจจะแพ้แล้วเกิดสิวเพิ่มมากกว่าได้ แม้ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผิวจะใสวิ้บวับหรือไร้สิวได้ในพริบตา แต่เราก็ต้องดูแลความสะอาดตัวเอง

รู้สาเหตุการเกิดสิว

facebook cliv thailand

add line

ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen Products)

ผลิตภัณฑ์กันแดด ก็จะมีสารกันแดดเป็นส่วนประกอบ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ Inorganic Sunscreens เป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่กระเจิงแสง สะท้อนแสงกลับไป หรือดูดแสงไว้แล้วกระเจิงออก สารในกลุ่มนี้เช่น Titanium dioxide, Zinc oxide เป็นต้น อีกกลุ่มนึง คือ Organic Sunscreens เป็นกลุ่มที่จะทำหน้าที่ดูดซับหรือ ดูดซึมแสงไว้ แต่ไม่ได้สะท้อนหรือกระเจิงออก สารในกลุ่มนี้เช่น Oxybenzone, Benzophenone-4, Triazones เป็นต้น และโดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์กันแดดจะทำออกมาในรูปของ Emulsions (Cream&Lotion), Ointments, Aerosols, Sticks, Oil และ Gel

ผลิตภัณฑ์กันแดด

มา ๆ เรามาทำความรู้จัก และ มาอ่านส่วนผสมในสกินแคร์กันเถอะ ! 

วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆในเรื่องของสกินแคร์มาบอกต่อค่ะ กับ “Skincare Ingredient” ส่วนผสมในสกินแคร์ บอกอะไรเราได้บ้าง? เนื่องจากว่าแอดมินเป็นคนที่ผิวแพ้ง่ายม๊ากกกกก โดยเฉพาะพวกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์ ดังนั้นเวลาจะซื้อสกินแคร์ที ต้องนั่งดู นั่งอ่านส่วนผสมกันยกใหญ่

วันนี้เลยอยากจะมาแชร์วิธีอ่านส่วนผสมในสกินแคร์ค่ะ เพื่อเป็นการตัดสินใจในการซื้อ บอกเลยว่าเห็นมีแต่ภาษาอังกฤษยาวๆเหมือนจะยาก แต่จริงๆแล้ว การอ่านส่วนผสมในสกินแคร์ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดนะคะ ไปดูกันเลยค่า ^^

Skincare Ingredient มาดูวิธีอ่านส่วนผสมกัน

1.ส่วนผสมของสกินแคร์อยู่ตรงไหนบ้าง?

พยายามพลิกหาตรงที่เขียนว่า INGREDIENT หรือ ส่วนผสมให้ทั่ว ตามนี้ค่ะ

1.บนกล่องของผลิตภัณฑ์ 

2.ด้านหลังของตัวขวดผลิตภัณฑ์

3.ในใบเล็กๆ ที่ใส่ในกล่องผลิตภัณฑ์

4.ใต้ขวดผลิตภัณฑ์

ถ้าเกิดว่าดูจนครบแล้วยังไม่มีส่วนผสมบอก ก็ไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์นั้นๆเลยค่ะ เพราะการบอกส่วนผสมนั้นสำคัญมาก! ถ้าเธอไม่มีบอก แปลว่าเธอใส่อะไรลงไปบ้างก็ไม่รู้ ไม่ควรเสี่ยงนะคะทุกคน

2.หาส่วนผสมที่เสี่ยงกับการแพ้

ส่วนที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ ก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์เราควรสแกนหาส่วนผสมที่เราควรหลีกเลี่ยงก่อน ถ้าใครยังไม่รู้ว่าแต่ละส่วนผสมคืออะไร ให้ลองดูส่วนผสมเหล่านี้ไว้ก่อนเลยค่ะ 

  • สารกลุ่มซัลเฟต (SLS และ SLES)
  • สารกันเสีย (Paraben)
  • น้ำหอม (Perfume/Fragrance)
  • สีสังเคราะห์ (Synthetic Color)
  • ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde)
  • สารปรอท (Mercury)
  • แอลกอฮอล์ (Alcohol)

นี่เป็นแค่ส่วนนึงของสารที่อาจะก่อให้เกิดการแพ้ ที่เรายกตัวอย่างมาค่ะ อย่าลืมสแกนดูส่วนผสมเหล่านี้ ก่อนการตัดสินใจซื้อน้าาาาาาาาาา

3.เช็คการเรียงลำดับส่วนผสม

ตรงนี้เราเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบ เพราะเราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ 555555 การเรียงลำดับของส่วนผสมในสกินแคร์มีที่มาที่ไปน้า เพราะส่วนผสมในสกินแคร์ชิ้นนั้น จะเรียงลำดับการใส่มากไปหาน้อยค่ะ โดยส่วนผสม 5 อันดับแรกจะใส่เยอะที่สุด แล้วก็ไล่ลำดับมาเรื่อยๆจนถึงส่วนผสมสุดท้าย ส่วนมากในสกินแคร์ส่วนผสมที่มากสุดจะเป็นน้ำค่ะ (Water/Aqua)

4.เช็คส่วนผสมอื่นๆ (And Other Ingredients)

ส่วนผสมที่อยู่ลำดับท้ายๆ หรือแม้แต่ส่วนผสมที่เขียนว่า And Other Ingredients ก็ต้องเช็คให้ดีค่ะ ในเมื่อส่วนนี้เราไม่สามารถรู้ได้ว่าส่วนผสมอื่นๆคืออะไร แนะนำให้ inbox ไปถามในเพจสกินแคร์นั้นได้เลยค่า เพราะการที่ไม่ใส่ส่วนผสมที่แน่นอนไปในผลิตภัณฑ์ ทำให้ดูน่าสงสัยว่าอาจจะเป็นสารอันตรายหรือเปล่าน้าาาาาาา?

5.เช็คส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้ง

หลังจากดูส่วนผสมคร่าวๆ ดูส่วนผสมที่เสี่ยงกับการทำให้แพ้แล้ว เราก็ต้องเช็คส่วนผสมทั้งหมดที่เราไม่รู้ หรือที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันค่ะ วันนี้เราเลยนำเว็บไซต์ในการเช็คส่วนผสมในสกินแคร์มาฝากทุกคนด้วย

สรุปเคล็ดลับเข้าใจส่วนผสมคำว่าสกินแคร์คืออะไรแบบง่ายๆ

1. เรียนรู้สารที่ควรเลี่ยงเอาไว้ก่อน

ถ้าการรู้ส่วนผสมสกินแคร์อย่างครอบจักรวาลมันยากเกินไป เราอาจจะเริ่มต้นด้วยการรู้จักสารที่ควรเลี่ยง ที่ไม่ควรใช้กับผิวไว้ก่อน เช่น

  • น้ำหอม ในส่วนผสมสกินแคร์มักจะใช้ว่า Fragrance ค่ะ ที่เราต้องเลี่ยง เพราะว่าน้ำหอมทำให้ผิวเราเกิดการระคายเคืองได้
  • แอลกอฮอล์  แอลกอฮอล์ในสกินแคร์ มักไม่บอกมาโต้งๆ ว่า “Alcohol” ค่ะ แต่ให้สังเกตส่วนผสมที่ลงท้ายด้วย “ol” นี่คือสกุลของส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ที่เราต้องเลี่ยงเพราะว่าแอลกอฮอล์ทำให้ผิวระคายเคือง และแห้งได้
  • Parabean  พาราเบนคือสารกันเสียที่ไม่ควรใช้ เพราะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
  • Hydroquinone  เราอาจจะเจอสารตัวนี้ได้ในพวกครีม Whitening ที่บอกว่าทาแล้วช่วยให้ผิวขาวขึ้น ฟังดูเหมือนจะดีใช่ไหมคะ แต่นี่คือสารอันตราย ทำร้ายผิวได้ เพราะว่าตัว Hydroquinone

ทำให้ผิวขาวขึ้นได้ด้วยการไปลดเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ผิวจะระคายเคืองได้ง่าย collagen และ elastin ถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวเหี่ยว แก่เร็ว

2. ส่วนผสมสำคัญที่ควรรู้ไว้เป็นพื้นฐาน

ครีมลดเลือนริ้วรอย

  • Retinol เป็นสารที่พบบ่อยใน skin care ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทำมาจากวิตามินa  ที่ช่วยในเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้ก็คือ Retinol จะทำให้ผิวเราระคายเคืองได้ง่าย และไวต่อแสงแดดค่ะ เพื่อความปลอดภัยควรใช้ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  • Glycine Soja Germ Extract  เป็นสารสกัดจากถั่วเหลือง มีคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เสริมผิวให้แข็งแรงขึ้น เลยทำให้ผิวมีความกระชับ ลดความหย่อนคล้อยได้

ครีมเพิ่มความกระจ่างใส

  • L-Ascorbic Acid  ส่วนผสมที่สกัดมาจากวิตามินซีมีหลายอย่าง และกรด L-Ascorbic ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่สกัดมาจากวิตามินซี แต่มีความเป็นกรดและระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย
  • Ascorbyl Tetraisopalmitate  ส่วนผสมตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่ทำมาจากวิตามินซีเช่นกัน แต่มีความแตกต่างจากตัว L-Ascorbic ตรงที่ว่า ไม่มีความเป็นกรด ซึมเข้าผิวได้ดีกว่า และเกิดการระคายเคือง ทำร้ายผิวได้น้อยกว่า

ครีมกันแดด

  • ค่า SPF และ PA  เพื่อไม่ให้ผิวเราคล้ำเสียจากแสงแดด เราควรเลือกครีมกันแดดที่ปกป้องผิวเราได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งครีมกันแดดที่ปกป้องผิวเราจาก UV สองตัวนี้ได้ก็คือ ครีมกันแดดที่มีทั้งค่า SPF ที่ปกป้องผิวเราจากแสง UVB ค่า SPF ที่แนะนำก็คือ 30 ขึ้นไป แต่ไม่เกิน SPF 50  และค่า PA ที่ปกป้องผิวเราจากรังสี 3 – 4 บวก
  • Oxybenzone  เป็นสารชนิดหนึ่งที่ใช้ในครีมกันแดดที่เราควรเลี่ยง เพราะว่าอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ และสามารถซึมเข้าไปทำลายเซลล์ผิว อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ด้วย
3. ดูวันหมดอายุ
วันหมดอายุจะอยู่ที่ใต้ล่าง ขวด หรือไม่ก็ปั๊มเป็นตัวเลขอยู่บนปลายหลอดด้านบน

เรื่องน่ารู้อื่นๆ