วิธีการเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้า ที่ปกป้องเทพ ติดทนนาน สวยท้าแดด หน้าไม่ดำ สบายผิว ยังไงให้ต๊าซซซ

วิธีการเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้า
add line
facebook cliv thailand

สามารถดูสินค้าจริงได้ที่ Euphoria Thailand ทุกสาขา

ครีมกันแดดทาหน้าถือเป็นหนึ่งในสกินแคร์ที่ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิงหรือว่าจะช่วงวัยไหนก็ควรมีติดตัวและใช้เป็นประจำทุกวัน ต่อให้บำรุงด้วย สกินแคร์ ดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ทากันแดดควบคู่ไปด้วยคือจบ ! ทั้งผิวหมองคล้ำเสีย แถมฝ้า กระ ยังถามหา ดังนั้น ครีมกันแดด จึงถือเป็นไอเทมที่ต้องมีติดตัวและใช้เป็นประจำทุกวัน แม้ในช่วงที่สภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนก็ตาม เพราะเราต้องเจอกับรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสี UV เกือบตลอดเวลา รวมไปถึงป้องกันแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟน ซึ่งล้วนก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ

อ่านเพิ่มเติมเรื่อง ปกป้องผิวหน้าจากแสงสีฟ้าจากโทรศัพท์ ทำผิวหน้าหมองคล้ำ ตัวการทำหน้าแก่ก่อนวัย ด้วยครีมกันแดด

ทำไมต้องใช้ครีมกันแดดทาหน้า

              ใครหลายคนอาจเคยสงสัยว่า ทำไมเราต้องใช้ครีมกันแดดทาหน้า แล้วนอกเหนือจากการปกป้องผิวที่โดนแสงแดดและมลภาวะทำร้าย ครีมกันแดดจะสามารถช่วยให้ผิวของเราดีขึ้นได้บ้างหรือไม่ คำตอบก็คือได้ค่ะ เพราะครีมกันแดดมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดมากทีเดียว

อ่านเพิ่มเติมเรื่อง : [เคล็ดลับ] มาตำวิธีป้องกันอันตรายจากแสงแดดก่อนสายเกินไป

ช่วยขจัดปัญหาหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้ง

เคยรู้สึกว่า ผิวขาดความชุ่มชื้นหรือใบหน้าแห้งตึง ทั้งที่สภาพอากาศในขณะนั้นไม่ได้แห้งบ้างหรือเปล่าคะ มีข้อมูลระบุไว้ว่า

การเผชิญกับรังสี UV เพียง 20 – 30 นาที ก็สามารถทำให้ความชุ่มชื้นของผิวเราลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 

ยิ่งถ้าเราไม่ได้ทาครีมกันแดดด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายผิว ส่งผลให้น้ำในผิวระเหยออกไป เกิดปัญหาใบหน้าแห้งตึง ไม่มีชีวิตชีวาและรู้สึกขาดน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดริ้วรอยหรือปัญหาผิวแก่ก่อนวัยในภายหลัง ทั้งยังส่งผลให้การเจริญเติบโตของเซลล์ในชั้นผิวช้าลง เกราะป้องกันผิวอ่อนแอมากขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะครีมกันแดดทาหน้าเป็นไอเทมบำรุงผิวอย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันปัญหาผิวทั้งหมดที่กล่าวมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วยลดปัญหากระ ฝ้าและจุดด่างดำ

รังสี UV เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดเม็ดสีเมลานินขึ้นภายในชั้นผิวหรือทำให้เซลล์เม็ดสีเหล่านี้ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดรอยคล้ำหรือจุดเล็ก ๆ ที่มีสีคล้ำเข้มตามใบหน้า และอาจเกิดขึ้นในชั้นผิวลึกที่เรามองไม่เห็น

ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ ปัญหากระ ฝ้าและจุดด่างดำที่ใครหลายคนต้องเผชิญและมักพบเห็นได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป

หากปล่อยทิ้งไว้ นอกจากจะเป็นเรื่องของความสวยงามบนใบหน้าแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังขึ้นได้ในอนาคต แต่คุณสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ เพียงแค่ใช้ครีมกันแดดทาหน้าซึ่งมีส่วนช่วยให้การยับยั้งรังสี UV อันเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาดังกล่าวนั่นเอง

ความแตกต่างของค่า SPF กับค่า PA

ค่า SPF และ PA ที่ระบุบนฉลากนั้นบ่งบอกว่า ครีมกันแดดนั้นมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้นานแค่ไหน โดย SPF คือ ค่าป้องกันรังสี UV-B ที่เป็นสาเหตุให้ผิวของเราไหม้ หมองคล้ำ ส่งผลให้เกิดกระและฝ้า ส่วน PA คือ ค่าป้องกันรังสี UV-A ที่สามารถทำร้ายผิวได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอย ทำให้ผิวหนังดูมีอายุกว่าวัย

  • ค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่แสดงถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVB โดย SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไปจะมีความสามารถในการลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งจากแสงแดดได้ หากตัวเลขมีจำนวนมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่าสามารถป้องกันได้ในระยะเวลาที่นานกว่า
  • ส่วนค่า PA (Protection Grade for UV-A) คือ ค่าที่แสดงถึงความสามารถในการป้องกัน UVA โดยแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่า +++ ขึ้นไปค่ะ

วิธีการเลือกครีมกันแดดทาหน้า

ใบหน้าเป็นส่วนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะในทุก ๆ วัน เราจึงควรเลือกครีมกันแดดที่ประสิทธิภาพสูงโดยเลือกดูจากประเภท, ส่วนผสม, ค่ากันแดด และปัจจัยอื่น ๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

เลือกจากประเภทของครีมกันแดดทาหน้า

ครีมกันแดดทาหน้าสามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภท ตามชนิดของส่วนผสม ทั้งแบบ Physical และ Chemical โดยแต่ละแบบจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการใช้ชีวิตของเราค่ะ

ทำไมต้องใช้ครีมกันแดดทาหน้า
add line
facebook cliv thailand

สามารถดูสินค้าจริงได้ที่ Euphoria Thailand ทุกสาขา

1. ครีมกันแดดทาหน้าแบบ Physical

ครีมกันแดดประเภทนี้ใช้แร่ธาตุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยมีหลักการทำงานคือ ป้องกันหรือสะท้อนรังสียูวีไม่ให้ผ่านเข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งสามารถกันรังสี UV-A, UV-B และรังสีในช่วงคลื่นความถี่อื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอ่อนโยนแม้เป็นผิวที่บอบบางหรือระคายเคืองง่าย แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ

แต่มีข้อเสีย คือ ส่วนใหญ่มักมีเนื้อสัมผัสเหนียว เกลี่ยยาก อาจเป็นรอยคราบหรือทำให้สีผิวของใบหน้าสว่างขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันก็มีครีมกันแดดหลายยี่ห้อที่นำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาผสาน ช่วยให้เนื้อครีมเบาบาง สามารถเกลี่ยได้ง่ายขึ้นและไม่ทิ้งรอยคราบ โดยมักจะเรียกว่า Nano Physical หากใครต้องการครีมกันแดดประเภทนี้ที่ทาง่ายกว่า ก็อย่าลืมสังเกตในส่วนนี้กันด้วยนะคะ

วิธีการเลือกครีมกันแดดทาหน้า
add line
facebook cliv thailand

2. ครีมกันแดดทาหน้าแบบ Chemical

ครีมกันแดดประเภท Chemical หรือแบบใช้สารเคมีนี้จะทำหน้าที่คอยดูดซับรังสีเพื่อไม่ให้ทะลุผ่านเข้าไปทำร้ายผิว โดยใช้ส่วนผสมหลายชนิดเพื่อให้ป้องกันได้ทั้งรังสี UV-A และ UV-B โดยครีมกันแดดประเภทนี้เมื่อทาแล้วต้องรอประมาณ 20 – 30 นาที เพื่อให้สารได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อครีมจะเกลี่ยง่ายกว่าและอาจผสมสารบำรุงอื่น ๆ เพิ่มเข้าไปด้วยเพื่อช่วยให้บำรุงผิวได้ในเวลาเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยส่วนผสมที่เป็นสารเคมีหลายชนิด จึงมีโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองและอุดตันรูขุมขนได้ง่ายกว่าแบบ Physical ค่ะ

เลือกครีมกันแดดทาหน้าจากค่า SPF และ PA
add line
facebook cliv thailand

เลือกครีมกันแดดทาหน้าจากค่า SPF และ PA

เมื่อต้องการเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้า ใครหลายคนมักมองหาค่า SPF และ PA สูง ๆ ไว้ก่อน เพราะเชื่อว่ายิ่งสูงเท่าไรก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการปกป้องได้มากเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วยิ่งมีค่า SPF หรือ PA สูง ก็อาจมีโอกาสเกิดการระคายเคืองต่อผิวของเรามากขึ้น ดังนั้น เราควรเลือกทั้งสองค่านี้ให้เหมาะสมตามลักษณะการใช้ชีวิตของตนเอง โดยหากต้องนั่งทำงานในออฟฟิศหรือไปโรงเรียน ไม่ค่อยมีกิจกรรมกลางแจ้งมากเท่าไร ควรเลือกครีมกันแดดทาหน้าที่มีค่า SPF 15 – 30 และ PA + หรือ ++ แต่หากทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือต้องเจอแสงแดดตลอดเวลา ควรใช้ครีมกันแดด SPF 30 – 50+ และ PA +++ จะดีที่สุดค่ะ

วิธีการทาครีมกันแดดทาหน้าที่ถูกต้อง
add line
facebook cliv thailand

เลือกครีมกันแดดทาหน้าแบบกันน้ำ

หากคุณกำลังมองหาครีมกันแดดทาหน้าคู่ใจไว้ไปเที่ยวทะเล ปาร์ตี้ริมสระ เล่นน้ำหรือเล่นกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ แนะนำให้เลือกครีมกันแดดทาหน้าแบบกันน้ำเลยค่ะ เพราะจะช่วยให้ครีมกันแดดติดทนกับผิวหน้าของเราได้ยาวนานมากขึ้น แต่ข้อควรระวัง คือ ครีมกันแดดประเภทนี้อาจล้างทำความสะอาดได้ยากกว่า เราจึงควรล้างทำความสะอาดใบหน้าให้หมดจดจนแน่ใจว่า ไม่เหลือสิ่งตกค้างอันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นครีมกันแดดแบบกันน้ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกันน้ำและเหงื่อได้ 100% นะคะ คุณจึงไม่ควรลงเล่นน้ำหรือกิจกรรมสมบุกสมบันที่อาจทำให้ครีมกันแดดละลายหรือถูกชะล้างออกไป หากสัมผัสโดนน้ำหรือเหงื่อในปริมาณมาก ควรซับพื้นที่นั้นให้แห้งและทาซ้ำอยู่เสมอ เพื่อคงประสิทธิภาพการกันแดดไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ

ความแตกต่างของค่า SPF กับค่า PA
add line
facebook cliv thailand

เลือกครีมกันแดดทาหน้าจากส่วนผสม

หากเป็นครีมกันแดดประเภท Physical คุณควรมองหาส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการสะท้อนหรือดูดซับแสงเพื่อป้องไม่ให้รังสี UV เข้าสู่ชั้นผิวอย่าง Titanium DioxideZinc OxideIron Oxide เป็นต้น และในขณะเดียวกัน หากเป็นครีมกันแดดแบบ Chemical แนะนำให้มองหาสารที่ช่วยกรองรังสี UV-A และ UV-B อย่าง OxybenzoneAvobenzoneDioxybenzoneOctocrylene ฯลฯ รวมไปถึง Ecamsule (Mexoryl SX) หรือ Bisoctrizole (Tinosorb M) ก็ได้เช่นกัน

 

แต่ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง คือ PABA หรือ Aminobenzoic Acid ซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย โดยอาจมองหาจากฉลากที่ระบุว่าเป็น PABA-Free หรือปลอดสาร PABA ค่ะ

สามารถดูสินค้าจริงได้ที่ Euphoria Thailand ทุกสาขา

วิธีการทาครีมกันแดดทาหน้าที่ถูกต้อง

กรณีที่อยู่ในร่ม ทั้งในห้องหรือออฟฟิศทั้งวัน การทากันแดดในตอนเช้าเพียงครั้งเดียวก็ถือว่าเพียงพอ แต่หากต้องออกไปข้างนอกที่ต้องเจอทั้งแสงแดดและมลภาวะ รวมไปถึงการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ ต่อให้มี SPF และ PA หรือแม้แต่มีคุณสมบัติกันน้ำสูงแค่ไหนก็ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการกันแดดที่ดียิ่งขึ้น

ส่วนปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการทากันแดด คือ 2 ข้อนิ้วชี้เต็มสำหรับใบหน้า และ 2 ข้อนิ้วชี้เต็มสำหรับลำคอ โดยเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิว แล้วจึงตามด้วยแป้งฝุ่นหรือลงเครื่องสำอางในขั้นตอนต่อไป ส่วนวิธีการล้างทำความสะอาดก็ควรเช็ดหน้าด้วยคลีนซิงหรือสบู่ตามปกติโดยไม่ให้เหลือสิ่งตกค้างอันเป็นสาเหตุที่ทำให้รุขุมขนอุดตันและก่อให้เกิดสิวได้ง่าย

บทสรุป 5 วิธีการเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้า ยังไงให้ต๊าซซซ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับความรู้เกี่ยวกับครีมกันแดดที่เรานำมาฝากในวันนี้ ทุกคนคงจะพอทราบแล้วว่าทำไมเราถึงต้องใช้ครีมกันแดด แล้วค่า SPF และ PA นั้นแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงวิธีการเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้าที่เหมาะสมพร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ซึ่งจะเห็นได้ว่า รังสี UV อยู่กับเราทุกที่ แม้จะอยู่ในบ้านหรือในที่ร่มก็มีโอกาสที่เราจะโดนแสงแดดทำร้ายได้ ดังนั้น จึงควรหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว

หลายคนอาจจะเลือกครีมกันแดดได้แล้ว ครีมกันแดดทาหน้าที่เราได้นำเสนอไป แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ แม้ครีมกันแดดทาหน้าบางยี่ห้อจะระบุวันหมดอายุเอาไว้ ก็ควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน นับจากวันที่เปิดใช้งาน เพราะส่วนผสมอาจเสื่อมสภาพได้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวของเราน้อยลงค่ะ

เรื่องน่ารู้อื่นๆ