How to ขั้นตอนการดูแลผิวขาวใสให้ปังปุริเย่โดยวิธีธรรมชาติ

How to การดูแลผิวขาวใสด้วยวิธีธรรมชาติ

ถ้าคุณอยากมีผิวที่ขาวขึ้น แต่อยากหาลองวิธีที่ไม่ต้องใช้ สกินแคร์ ที่เป็นที่นิยมจาก ญี่ปุ่น หรือเกาหลีนั้น เรามีวิธีที่จะทำให้ผิวขึ้นขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เราอาจเห็นครีมหลายยี่ห้อที่โฆษณาว่าทำให้ผิวขาวขึ้น แต่นั่นจะดีต่อสุขภาพผิวแล้วหรือ ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีทางธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้นกันดีกว่า ซึ่งส่วนผสมหลักก็เป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไปนั่นคือ น้ำมะนาว ซึ่งดีต่อสุขภาพผิวและช่วยให้ผิวขาวขึ้น หลีกเลี่ยงการออกแดดและแผ่นมาร์กหน้าที่ผสมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติช่วยให้คุณห่างไกลความหมองคล้ำ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวเทคนิคผิวขาวใส่อย่างเป็นธรรมชาติเพียงแค่เริ่มอ่านที่ขั้นที่ 1

อ่านเพิ่มเติม : วิธีทำให้ผิวขาวสดใสปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย ภายใน 1 เดือน

วิธีที่ 1: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

1.1 หลีกเลี่ยงการออกแดด ส่วนใหญ่สีผิวที่ดำขึ้นเกิดจากการสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) รังสีของดวงอาทิตย์ หากคุณอยากมีผิวที่ขาวอย่างเป็นธรรมชาติต้องเริ่มจากการอยู่ในที่ร่มให้มากขึ้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ทาครีมกันแดดที่มี SPFอย่างน้อย 30

แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า SPF 15 ไม่เพียงพอที่จะป้องกันรังสี UVA และ UVB รังสีที่เป็นอันตรายซึ่งยังคงทำร้ายผิวของคุณ ซึ่งผิวคุณจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อสามารถป้องกันรังสีได้เกิน 98%

สวมหมวกเพื่อปกป้องใบหน้าของคุณเมื่อต้องออกแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนซึ่งมีหมวกแฟชั่นมากมายให้เลือกซื้อ ได้ทั้งป้องกันผิวหน้าและสวมใส่ตามแฟชั่นอีกด้วย

1.2 ขัดผิวบ้างอาทิตย์ละครั้ง การขัดผิวทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริงๆ เริ่มตั้งแต่การการจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว โปรดทราบว่าการขัดเพียงแต่ช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ได้ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งอาจจะขาวขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสีผิวเดิมของแต่ละคนด้วย

คุณสามารถขัดผิวด้วยตนเองโดยใช้ body scrub หรือโฟมล้างหน้าที่มีความละเอียดอ่อนมาก หรืออาจเพิ่มสูตรโดยการใส่อัลมอนด์หรือข้าวโอ๊ตลงในโฟมล้างหน้าของคุณ

ใช้แปรงขัดหน้าซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวในร่างกาย สำหรับใบหน้าของคุณให้ใช้แปรงพิเศษที่มีขนแปรงนุ่มที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อใบหน้า นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เช่น Clarisonic ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นบน

1.3 ทำซ้ำเป็นประจำ ผิวที่หมองอยู่แล้วตามธรรมชาติยากที่จะขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยวิธีการทางธรรมชาติและการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมออีกทั้งการหลีกเลี่ยงการออกแดดและการบำรุง ขัดผิวอย่างสม่ำเสมอทุกอาทิตย์ ก็จะช่วยให้คุณมีผิวที่ขาวใสขึ้นอย่างแน่นอน

วิธีที่ 2 : ผิวขาวใสด้วยธรรมชาติ

2.1 การล้างผิวด้วยน้ำมะนาว น้ำมะนาวช่วยให้ผิวขาวได้เป็นอย่างดีเพราะมีกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารขัดผิวและเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว เพียงทาที่ผิวจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นไม่ใช่แค่ที่บริเวณผิว แต่ยังลึกไปถึงใต้ผิวอีกด้วย กรดซิตริกในน้ำมะนาวยังสร้างเพิ่มที่ความเงางามชุ่มชื่นอีกด้วย(ถ้าคุณลโชมไปทั่วศีรษะจะทำให้ผมดูเงางามแล้วมีน้ำหนักมากขึ้น) เพียงแค่ใช้น้ำมะนาวราดผิว ผิวคุณก็จะขาวขึ้นช้าๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้

ผสมน้ำมะนาวกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:1เพื่อไม่ให้น้ำมะนาวเข้มข้นเกินไปจนอาจระคายเคืองผิวหรือเกิดอาการแสบ หรือคันผิวได้

จุ่มสำลีในส่วนผสมของน้ำมะนาวแล้วใช้มันเช็ดลงบนใบหน้า คอ หน้าอก แขนและทุกที่ที่คุณต้องการให้ผิวของคุณขาวขึ้น

ปล่อยทิ้งไว้ 20 นาทีจากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นหลีเลี่ยงการออกแดดเพราะน้ำมะนาวจะทำให้ผิวของคุณจะมีความไวต่อแสงแดด

หลังจากนั้นทาครีมบำรุงผิวเพื่อกันไม่ให้สารที่ได้จากน้ำมะนาวซึมออกจากผิว

ทำซ้ำสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่อย่าทำบ่อยจนเกินไปเพราะจะทำให้ผิวเสีย

2.2 ประคบผิวด้วยมันฝรั่งดิบหั่นสไลด์ เนี่ยจากมันฝรั่งมีวิตามินซีในปริมาณที่สูงจึงช่วยให้ผิวขาวขึ้น หรือใช้ผักผลไม้ชนิดอื่นแทนเช่น มะเขือเทศและแตงกวา วิตามินซีมักจะถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิว แต่คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่าเพียงแค่ใช้มันฝรั่งโดยตรงกับผิวของคุณ สามารถทำได้หลายครั้งต่อสัปดาห์โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ตัดมันฝรั่งเป็นชิ้นหนา

แปะมันฝรั่งในบริเวณที่คุณต้องการให้ผิวขาวขึ้น

ทิ้งไว้จนมันฝรั่งแห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

2.3 การพอกด้วยขมิ้น ขมิ้นเป็นเครื่องเทศอินเดียที่ใช้ในการบำรุงผิวมาหลายศตวรรษ มีความเชื่อว่าสามารถยับยั้งการผลิต เมลานินที่ช่วยให้ผิวเข้มขึ้น ในขณะที่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ามันใช้ได้ผล แต่ผู้ที่ลองใช้ก็ความสุขกับผลลัพธ์ที่พวกเขาได้รับนั่นก็การมีผิวที่ขาวใสขึ้นนั่นเอง ซึ่งวิธีการพอกขมิ้นมีดังนี้

ผสมขมิ้นกับน้ำมันมะกอกให้มากพอที่จะใช้พอก

ใช้มันให้กับผิวของคุณโดยการทาบางๆทั่วพื้นที่ที่คุณต้องการให้ผิวขาวขึ้น

ปล่อยทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

หมายเหตุ: ขมิ้นอาจทำให้ผิวของคุณเป็นสีเหลืองชั่วครู่ แต่สามารถล้างออกได้อย่างรวดเร็ว

2.4 ใช้ว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ สารจากธรรมชาตินี้เป็นที่รู้จักในการช่วยรักษาอาการไฟไหม้ที่บริเวณผิว แต่ก็ยังมีสารที่เรียกว่าแอนทราควินโนนที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้นโดยการกำจัดชั้นผิวที่ตายแล้ว คุณจะพบว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมของครีมและโลชั่นอยู่มากมาย แต่วิธีที่ดีสุดในการใช้งานว่านหางจระเข้คือการใช้ว่านหางจรเข้แบบสดๆ ซึ่งมีวิธีดังนี้

โปะว่านหางจระเข้ลงบนผิวของคุณ

ทิ้งไว้ 20 นาทีจนแห้งและผิวดูดซึมสารในว่านหางจรเข้แล้ว

จากนั้นจะล้างออกหรือไม่ก็ได้ เพราะว่านหางจระเข้เป็นประโยชน์สำหรับผิวในหลาย ๆด้านและไม่มีโทษหากทิ้งไว้เป็นเวลานาน

2.5 ล้างผิวของคุณด้วยน้ำมะพร้าว เช่นเดียวกับการรักษาทางธรรมชาติหลายๆอย่าง ไม่มีการศึกษาได้รับการดำเนินการที่พิสูจน์ว่าน้ำมะพร้าวช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ อย่างไรก็ตามผู้ใช้แต่ละคนพบว่าการใช้มันช่วยให้ผิวขาวขึ้นนอกจากนั้นยังทำให้ผิวนุ่มและเรียบเนียนอีกด้วย ซึ่งมีวิธีดังนี้

ซื้อน้ำมะพร้าว 100% หรือใช้น้ำมะพร้าวสดที่ได้จากการผ่ามะพร้าวก็ได้

จุ่มสำลีในน้ำและเช็ดไปที่ใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ที่คุณต้องการที่ให้ขาวขึ้น

ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

อ่านเพิ่มเติ่ม : การดูแลผิวหน้าให้ใสกิ๊ก เคล็ดลับ 4 วิธี แม้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ

วิธีที่ 3 : หน้าใสด้วย mask

3.1 maskหน้าด้วยน้ำผึ้งมะนาว เมื่อคุณผสมผิวกระจ่างใสผิวตามธรรมชาติที่มีสารช่วยขัดผิว ก็จะได้ mask ที่ ทำให้ผิวขาวใสยิ่งขึ้น โดยการขจัดเซลผิวที่หมองคล้ำและขัดผิวให้ชุ่มชื่น ลอง maskหน้าด้วยน้ำมะนาว น้ำผึ้ง (น้ำผึ้งจะชดเชยผิวที่แห้งจากผลของน้ำมะนาว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้น) และข้าวโอ๊ตซักหนึ่งช้อนชา ทดลองใช้กับใบหน้าและทุกส่วนที่คุณต้องการ ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก

ในขณะที่คุณล้างออกลองใช้นิ้วมือของคุณวนเป็นวงกลมเบา ๆ ข้าวโอ๊ตจะขัดชั้นบนสุดของผิวที่ตายแล้วออกจากใบหน้าของคุณเผยให้เห็นผิวที่ขาวใสข้างใน

หากคุณมีผิวแห้งให้ใช้แตงกวาแทนมะนาว โดยใช้ส่วนผสมในปริมาณที่เท่ากันของน้ำแตงกวาและน้ำผึ้งบนใบหน้าและร่างกายเป็นเวลา 15 นาทีแล้วล้างออก

3.2 mask หน้าด้วยข้าวโอ๊ตผสมขมิ้น ที่จะช่วยลดความมันของผิวและยังช่วยในการทำความสะอาดผิวรวมไปถึงการทำให้ผิวขาวใสขึ้นด้วย ผสมผงข้าวโอ๊ตสองช้อนชาเข้ากับขมิ้นหยิบมือนึงและน้ำมะนาวเพียงไม่กี่หยด แล้วคนให้เข้ากันจนได้ครีมหนา นำไปทาบริเวณที่ต้องการและปล่อยให้แห้งจากนั้นล้างออกด้วยน้ำโดยใช้นิ้ววนเป็นวงกลมเบา ๆ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ

3.3 maskหน้าด้วยมะละกอ ในมะละกอมีเอนไซม์ปาเปอินที่ช่วยขัดผิวทำให้เซลล์ผิวใหม่ได้ออกมาข้างนอก นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีอีกด้วย โดยเราเลือกมะละกอดิบเพื่อใช้ maskหน้าเพราะมะละกอดิบมีเอนไว์ปาเปอินในปริมาณที่มากกว่าตอนที่สุกแล้ว ซึ่งมีวิธีการทำ mask ดังนี้

ปอกเปลือกและหั่นมะละกอ

นำมาใส่ในเครื่องปั่นและปั่นจนละเอียด

นำมาทาบริเวณที่ต้องการ

ทิ้งไว้ 20 นาที

ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

3.4 maskด้วยโยเกิร์ตหรือนม โยเกิร์ตและนมมีกรดอัลฟาไฮดรอกซีที่จะช่วยขัดผิว ผสมโยเกิร์ตปราศจากน้ำตาลหรือนมเข้ากับข้าวโอ๊ตแล้วคลุกให้เข้ากัน นำมาทาบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นพร้อมกับใช้นิ้วมือวนเป็นวงกลมเบาๆขณะล้าง

ในนมหรือโยเกิร์ตมีเอนไซม์ที่สำคัญที่ไม่มีในผิวซึ่งถ้าใช้ในปริมาณที่พอเหมาะก็จะช่วยทั้งทำให้ผิวขาว ขัดผิวและบำรุงผิวอีกด้วย

ในกรณีที่ไม่มีข้าวโอ๊ตคุณสามารถใช้สำลีชุบนมหรือโยเกิร์ตแล้วเช็ดบริเวณที่ต้องการได้เลย

3.5 maskหน้าด้วย rosewater rosewater มีคุณสมบัติในการทำให้ผิวที่หมองคล้ำกลับมาสว่างใสอีกทั้งยังขจัดเซลล์ผิวที่มีสีเข้ม ในการทำmaskด้วยrosewaterเราต้องผสมนมสองช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำมะนาวหนึ่งช้อนโต๊ะ แป้งกรัมหนึ่งช้อนโต๊ะ และ rosewaterสองช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมให้เข้าแล้วนำมาmaskบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก

3.6 maskด้วยแป้งกรัม แป้งกรัมมีคุณสมบัติช่วยขัดผิวที่ดีมากโดยที่ไม่ทำร้ายผิว ใช้แป้งกรัมหรือแป้งสาลีสองช้อนโต๊ะผสมกับน้ำเล็กน้อยให้เป็นเนื้อครีม ใช้ทาบนหน้าโดยทาจากล่างขึ้นบนตามรูป ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วเช็ดให้แห้ง นี่จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

หรือจะเพิ่มนำมะนาวหนึ่งช้อนโต๊ะและขมิ้นครึ่งช้อนโต๊ะเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็ได้

หากคุณมีผิวแห้ง ให้เพิ่มครีมสด อีกหนึ่งในสี่ช้อนโต๊ะ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว

3.7 mask ด้วยขมิ้น แป้งกรัมและrosewater ซึ่งจะช่วยทั้งผิวให้ขาวใส บำรุงผิวให้ชุ่มชื่นและขจัดเซลล์ผิวไปพร้อมๆกัน

ด้วยขมิ้นหนึ่งช้อนโต๊ะ แป้งกรัมสองช้อนโต๊ะผสมด้วยน้ำเปล่าหรือrosewater

ทาในบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก

ไม่ควรใช้ร่วมกับสบู่ล้างหน้า

อ่านเพิ่มเติ่ม : 9 เคล็ดลับการดูแลสุขภาพผิวให้สวยใส ทั้งจากการทำความสะอาด ทาครีม การเลือกทานอาหาร และการพักผ่อน

ทริป และ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

ใช้ ครีมบำรุงผิว เซรั่ม หรือ แอมพูล เป็นประจำหลังจากที่ล้างน้ำมะนาวออกผิวของคุณจะแห้งเพราะมะนาวจะทำให้ผิวของคุณแห้งและถ้าคุณมีผิวแพ้ง่ายควรจะเจือจางน้ำมะนาวก่อนใช้ วิตามินซีไม่ได้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

ลองทาลิปสติก และ / หรือ ทาตาสีเข้มตัดกับผิวของคุณ เพื่อเพิ่มความเด่นของใบหน้า แต่ต้องไม่มากเกินไปจนดูตลก

เมื่อเลือกครีมกันแดด ให้หาครีมที่มีส่วนผสมของแร่เช่นสังกะสีออกไซด์หรือไทเทเนียมไดออกไซด์ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันรังสีได้หลายชนิดแล้ว ยังเพิ่มความขาวใสแบบเป็นธรรมชาติเล็กน้อยด้วย

ถ้าคุณคิดว่าวิธีธรรมชาติที่ทำให้ผิวขาวนั้นช้าเกินไป ลองใช้ครีมที่มีไฮโดรควินโนน แต่ต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนเพื่อสุขภาพผิวที่ดี ขาวใสและปลอดภัยของคุณเอง

ข้อควรระวัง

ห้ามใช้สารฟอกขาวที่ใช้ในครัวเรือนหรือยากัดสีผมเพียงเพราะหวังจะได้ผิวที่ขาวทันใจเด็ดขาด เพราะมันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำให้เมลานินในผิวของคุณขาวขึ้น

โปรดจำไว้ว่านี้จะได้ผลเฉพาะถ้าคุณมีนวลตามพันธุกรรม หากคุณเกิดมามีผิวขาวหรือผิวเหลือง และคล้ำลงจากการออกแดดหรือจากกการใช้ชีวิตเป็นเวลานาน วิธีที่ผ่านๆมานี้จะช่วยให้คุณกลับมาขาวใสได้เหมือนเก่า แต่ถ้าคุณเกิดมามีผิวดำแล้วละก็ วิธีนี้แทบจะไม่มีผลเลยที่เดียว

ห้ามใช้ไฮโดรควินโนนที่มีความเข้มข้นเกิน 2% โดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะจะเสี่ยงการแพ้ของผิวและอาจเกิดผลกระทบในระยะยาว

สรุป How to ขั้นตอนการดูแลผิวขาวใสให้ปังปุริเย่โดยวิธีธรรมชาติ

เมื่อการมีผิวขาวคือเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมในไทยมาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายคนพยายามจะทำให้ผิวขาวมากขึ้นโดยไม่สนวิธีการ จะเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวถูกผลิตขึ้นมาจำหน่ายเต็มไปหมด บางอย่างผู้ประกอบการก็ไม่จริงใจต่อผู้บริโภค เราจึงมักจะเห็นข่าวเกี่ยวกับการจับกุมผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่เสมอ ที่ทำได้อย่างปลอดภัยและไม่อันตรายมาฝากกัน

หากอยากมีผิวขาว สิ่งสำคัญที่สุดคือบำรุงผิวอย่างถูกวิธีทั้งภายในและภายนอก ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดดจัดเพื่อลดการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน อย่างไรก็ตามเราสามารถดูแลผิวให้ขาวได้มากที่สุดเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวยได้เท่านั้น การเปลี่ยนสีผิวจากดำกรรมพันธุ์ให้กลับมาขาวแบบถาวรได้เป็นเรื่องยากมาก เพราะฉะนั้นไม่ควรพยายามทำให้ผิวขาวด้วยวิธีผิดๆโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากผิวจะไม่ขาวอย่างแท้จริงแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายได้อีกด้วย