มาทำความรู้จักกับเรตินอลกันเถอะ เรตินอลคืออะไร เรตินอลช่วยเรื่องอะไร มาดูกัน!!

เรตินอลคืออะไร
add line
facebook cliv thailand

สามารถดูสินค้าจริงได้ที่ Euphoria Thailand ทุกสาขา

การดูแลผิวเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ หากคุณเป็นคนที่รักและชื่นชอบการดูแลผิวพรรณคุณจะต้องมีสกินแคร์และผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติผิวมากมายเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็น สกินแคร์เกาหลีน้ำตบ, โฟมล้างหน้า รวมไปถึงแผ่นมาสก์ แต่มีผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งอย่างที่ช่วยบำรุงผิวได้ล้ำลึกมากกว่าครีมทั่วไป นั่นก็คือเซรั่มค่ะ เซรั่มนั้นไม่ได้มีแค่ประเภทเดียวแต่ยังมีจำแนกออกไปตามความต้องการของผิวไม่ว่าจะเป็น เซรั่มวิตามินซีเซรั่มคอลลาเจนเซรั่มกระชับรูขุมขนรวมไปถึง เซรั่มเรตินอล หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับกับสารสกัดที่เรียกว่าเรตินอลเป็นอย่างดี เพราะมันค่อนข้างมาแรงมาก ๆ ในขณะนี้ เราพูดได้เลยว่าครีมและเซรั่มแทบทุกยี่ห้อมักจะมีสารสกัดนี้ผสมอยู่ด้วยเพื่อปรับปรุงความสมดุลของผิว

เรตินอล (Retinol) เป็นสารสกัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หากคุณไม่คุ้นเคยกับสารสกัดนี้เราขอบอกเลยว่าเรตินอลเป็นอนุพันธ์ของวิตามิน A ที่มักจะใช้ในการต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย เรตินอลนี้ไม่เพียงแต่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดริ้วรอยและเส้นริ้วเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยเกิดขึ้นอีกด้วย นอกจากประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอยแล้วเรตินอลยังช่วยในเรื่องการดูแลผิวอื่น ๆ อีกมากมายรวมถึงปรับสภาพผิวและรักษาสิว เรตินอลทำงานโดยกระตุ้นให้ผิวสร้างเซลล์ใหม่ ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวไว้ได้เป็นอย่างดี แน่นอนค่ะวันนี้เราก็มีคำแนะนำมาฝากกันเพื่อช่วยให้คุณเลือกเซรั่มเรตินอลที่เหมาะสมกับสภาพผิวได้ค่ะ

เรตินอล คืออะไร

ทุกคนอาจจะเคยได้รู้จักวิตามินเอ อย่างไรก็ตามมันจะมีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่าง เรตินอล และ เรตินอยด์ เราจะพูดให้ทุกคนเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า เรตินอลเป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ แล้วเรตินอยด์ก็เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเออีกที ซึ่งวิตามินเอนี่แหละที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ และ คอลลาเจน จึงไม่แปลกเลยที่จะเป็นส่วนผสมสุดฮิตที่ใส่ในสกินแคร์หลายตัว

ส่วนสำหรับความเชื่อที่ว่า เรตินอล ยังไม่มีประสิทธิภาพดีพอเมื่อเทียบกับวิตามินเอรูปแบบอื่น ๆ นั้นไม่จริง เพราะแม้ว่าสารบางรูปแบบจะเข้มข้นมากกว่าอย่าง retinoic acid (กรดวิตามินเอ – ไม่นิยมนำมาใส่ในเครื่องสำอางมีความเข้มข้นสูง) แต่เมื่อเรตินอลซึมเข้าชั้นผิวแล้วก็จะเปลี่ยนสภาพตัวเองเป็น retinoic acid อยู่ดี ดังนั้นผลลัพธ์ในการฟื้นฟูริ้วรอยอะไรต่างๆ จึงไม่แตกต่างจากกรดวิตามินเอเลย แถมยังระคายเคืองน้อยกว่าด้วยนะ 

เรตินอลทำงานได้ในหลายระดับ เรตินอลส่งเสริมการหมุนเวียนของเซลล์โดยเพิ่มอัตราการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รูขุมขนกระชับซึ่งจะป้องกันการเกิดสิว นอกจากนี้การหมุนเวียนของเซลล์ยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอด้วย นอกจากนี้เรตินอลยังช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนของผิว

ปกติแล้วร่างกายจะผลิตคอลลาเจนจำนวนมากตามธรรมชาติซึ่งจะช่วยส่งเสริมผิวที่อ่อนเยาว์และอวบอิ่ม แต่การผลิตคอลลาเจนเริ่มลดลงเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ดังนั้นการใช้เรตินอลจะช่วยส่งเสริมการผลิตคอลลาเจนในร่างกายซึ่งพิสูจน์แล้วว่าจะส่งเสริมความยืดหยุ่นของผิวในขณะที่จะช่วยคุณย้อนวัยโดยการลดริ้วรอยด้วย

เรตินอลกับเรตินอยด์เหมือนกัน เพราะเรตินอยด์ใช้เรียกกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอทั้งหมดซึ่งมีเรตินอลรวมอยู่ในอนุพันธ์นั้นด้วย

เรตินอลช่วยเรื่องอะไรกันแน่

ต้องถามว่ามีอะไรบ้างที่เรตินอลทำไม่ได้บ้าง? อย่างแรกเลย เรตินอลช่วยเร่งกระบวนการสร้างเซลล์ให้เร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเซลล์คอลลาเจนที่เสียหาย เรตินอลจะช่วยฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติ เส้นริ้วรอยหรือรอยย่นต่าง ๆ จึงกลับมาแลดูตื้นขึ้นได้ ผิวจึงเรียบเนียนขึ้น แลดูกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ยังลดการสร้างน้ำมันใต้ชั้นผิว จึงเหมาะสำหรับการรักษาสิวอุดตัน

แต่ก่อนทุกคนจะหยิบสกินแคร์เรตินอลลงตะกร้า…เรตินอลนั้นไม่ใช่ส่วนผสมที่ฟื้นฟูผิวได้รวดเร็วทันใจอย่างพวกไฮยาลูรอนิคแอซิดหรือวิตามินซี ถ้าจะคิดจะปักใจกับเรตินอลต้องใช้แบบระยะยาว อย่างน้อยก็หนึ่งเดือนขึ้นไป คุณถึงจะเห็นผลลัพทธ์ที่แตกต่างกับผิว 

แล้วควรเริ่มใช้ ‘เรตินอล’ เมื่อไหร่ดี?

ส่วนใหญ่แล้วอายุที่เหมาะสมสำหรับใช้เรตินอลคือ 20 ปลาย ๆ – 30 ต้น ๆ เพราะเมื่อเราเข้าวัยสามสิบยังแจ๋วแล้ว กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะไม่ค่อยแจ๋วตาม มันจะเริ่มขี้เกียจมากขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นมาได้ ดังนั้นสาว ๆ วัยทีน – วัยเริ่มทำงานอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้เพราะกระบวนการสร้างคอลลาเจนยังขยันอยู่

แล้วควรปรับสกินแคร์รูทีนอย่างไรดี?

เราขอแนะนำให้ได้ ‘เรตินอล’ ในตอนกลางคืนเท่านั้น หลังจากล้างหน้าแล้วซับให้แห้งสนิทก็ทาเรตินอลตามได้เลย จากนั้นค่อยตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์อื่น ๆ หลังจากใช้แล้วเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกยิบ ๆ ที่ผิวเล็กน้อยหรือผิวแห้งขึ้นเมื่อใช้เรตินอล แต่ถ้าใครที่ผิวแพ้ง่าย ก็ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยตรงจะปลอดภัยที่สุด

ที่สำคัญ เราไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอลร่วมกับกรดอื่น ๆ ด้วยกัน (เช่นวิตามินซีห้ามเด็ดขาด!) ส่วนที่สามารถใช้ร่วมกับได้ก็จะมี

● Retinol + Hyaluronic Acid ตัวไฮยาลูรอนิคจะช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบจากเรตินอล

● Retinol + BHA/AHA ใช้เสริมกันได้ ช่วยเรื่องริ้วรอย ลดกระ ฝ้า จุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในช่วงกลางวันต้องใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ไม่ต่ำกว่า 30 เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ผสมเรตินอลในเวลากลางคืน  

ประเภทของเรตินอล

ในทางเทคนิคแล้วเมื่อเราพูดถึงเรตินอยด์นั้นเป็นความหมายโดยรวมสำหรับอนุพันธ์ของวิตามินเอทั้งหมด แต่อันที่จริงแล้วเรตินอยด์มีหลายประเภทมาก เช่น Retinyl Palmitate (ฤทธิ์บางเบาที่สุด), Retinaldehyde (ฤทธิ์ปานกลาง) และ Adapalene (ฤทธิ์แรงที่สุดและเป็นตัวเลือกพิเศษสูตรเฉพาะเพื่อรักษาสิว) นอกจากนี้ยังมีเรตินอยด์ที่ต้องให้แพทย์ผิวหนังจ่ายยา คือ Tretinoin หรือ Tazarotene เรตินอยด์นี้จะทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็อาจทำให้ระคายเคืองมากขึ้นเช่นกัน

แล้วเราควรเลือกเรตินอยด์ตัวไหนดี? ตามหลักการแล้วคุณควรให้ผิวหนังของคุณแนะนำตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสภาพผิวของคุณ แต่เมื่อเริ่มต้นให้ใช้เรตินอยด์ที่อ่อนโยนที่สุด เช่น Retinyl Palmitate (สำหรับผิวบอบบางหรือผิวแห้ง) หรือเลือกใช้เรตินอล (สำหรับผิวทั่วไป) เมื่อใช้จนเคยชินแล้วสามารถเปลี่ยนเป็นสูตรที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกเรตินอยด์ตัวไหนแต่จงรู้ไว้ว่าเรตินอยด์ทั้งหมดนี้มีประสิทธิภาพในระยะยาวอย่างแน่นอน

วิธีเลือกซื้อเซรั่มเรตินอลที่ดีที่สุด

1. ความเข้มข้นของเรตินอล

คุณอาจเคยได้ยินว่าสารเรตินอลสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันเป็น “จริง” ค่ะเพราะว่าเรตินอลจะทำให้ผิวผลัดเซลล์ในอัตราที่เร็วขึ้น นี่คือเหตุผลที่ความเข้มข้นของเรตินอลเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่เคยใช้มันมาก่อน นอกจากนี้ความเข้มข้นที่คุณเลือกยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวแห้งและลอกได้อีกด้วย ความเข้มข้นต่ำสุดที่คุณจะพบในเรตินอลคือ 0.1% (ต่ำมากและจะไม่ส่งผลอะไรกับผิวของคุณ) และสูงสุดคือประมาณ 2% ค่ะ สำหรับผู้เริ่มต้นควรเลือกเรตินอลความเข้มข้นที่ต่ำและควรทดสอบก่อนใช้งานเป็นเวลาสองสามสัปดาห์ หากคุณไม่เห็นการระคายเคืองใด ๆ ก็สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

2. ส่วนผสมเพิ่มเติม

เรตินอลถูกใช้ในเซรั่มเนื่องจากช่วยในการผลัดเซลล์และเพิ่มระดับคอลลาเจนในผิวของคุณทำให้ผิวดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น ดังนั้นเซรั่มเรตินอลที่สุดที่คุณจะเจอจะวางตลาดเป็นเซรั่มต่อต้านริ้วรอย มีการกำหนดเป้าหมายโดยตรงในการลดริ้วรอย อย่างไรก็ตามเรตินอลยังมีคุณสมบัติปรับสีผิวของคุณและลดรูขุมขนได้ ดังนั้นจึงไม่ได้มีไว้สำหรับต่อต้านริ้วรอยเท่านั้น หากคุณต้องการให้ผิวเปล่งปลั่งหรือเน้นการให้ความชุ่มชื้น ควรจับตาดูส่วนผสมเพิ่มเติม เช่น กรดไฮยาลูโรนิกและสควาเลนซึ่งสามารถช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นได้ วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ มีชื่อเสียงในด้านการเพิ่มความกระจ่างใส ในขณะที่ว่านหางจระเข้ ดอกกุหลาบและน้ำมันจากพืชจะสามารถช่วยลดการระคายเคืองได้

3. ช่วงเวลาที่แนะนำให้ใช้งาน

แม้ว่าเรตินอลในเซรั่มบางตัวจะได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น แต่คุณควรเลือกใช้ในเวลากลางคืนเท่านั้นเพราะเรตินอลจะสลายตัวในแสงแดดและทำให้ผิวของคุณไวต่อแดดมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณจะเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายจากแสงแดดได้มากขึ้นเมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอล ดังนั้นแม้ว่าคุณจะทาเฉพาะตอนกลางคืนแต่อย่าลืมเตรียมครีมกันแดดไว้ให้พร้อมและใช้เมื่อออกแดด แต่หากคุณรู้ว่าคุณอาจต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำวันในหนึ่งสัปดาห์ควรใช้เรตินอลให้น้อยลงค่ะ

4. รูปแบบของบรรจุภัณฑ์

โดยปกติเรตินอลเซรั่มจะถูกเก็บไว้ในขวดที่มีหัวปั๊มหรือหลอดปิเปต (หลอดหยด) สำหรับการใช้งาน หลอดหยดนั้นมีประโยชน์มาก เนื่องจากจะช่วยประหยัดผลิตภัณฑ์ได้มาก ส่วนขวดปั๊มคุณอาจจะเผลอกดออกมามากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจและทำให้สิ้นเปลือง นอกจากนี้เซรั่มเรตินอลยังมีรูปแบบแคปซูลด้วย ซึ่งมีประโยชน์หากคุณไม่ต้องการวัดปริมาณเซรั่มทุกครั้งที่ทา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์หากคุณกำลังเดินทางไปท่องเที่ยวเพราะคุณสามารถพกพาได้และมันจะไม่หกใส่กระเป๋าของคุณ อย่างแน่นอน

เรตินอลทำให้ผิวระคายเคืองจริงหรือไม่ ?

เนื่องจากเรตินอลทำให้ผิวหนังผลัดเซลล์เร็วกว่าปกติคุณจึงมีแนวโน้มที่จะมีผิวแห้งและระคายเคืองเมื่อใช้เรตินอล แต่อาการนี้จะเป็นอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์เท่านั้น หากผิวแข็งแรงขึ้นแล้วอาการระคายเคืองจะหายไป หากคุณกังวลเรื่องอาการระคายเคืองให้ ทดสอบอาการแพ้ ก่อนใช้ หากมีอาการรุนแรงมากผลิตภัณฑ์อาจจะไม่เหมาะกับคุณ

หลายคนอาจจะกังวลถ้าซื้อไม่แล้วใช้ไม่งานไม่ได้จะเปลืองเงิน ในข้อนั้นไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะคุณสามารถซื้อเซรั่มขวดเล็กได้ เซรั่มขวดขนาดเล็กนั้นออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองใช้เซรั่มเรตินอลในครั้งแรก โดยปกติจะมีปริมาณ 15 มล. หรือ 30 มล. หากซื้อขนาดทดลองจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่เปลืองเงินมากเกินไป ในทางกลับกันหากคุณเคยใช้เซรั่มเรตินอลมาก่อนและคุ้นเคยกับความเข้มข้นแล้ว เซรั่มปริมาณ 50 มล.ขึ้นไปจะเหมาะกับคุณมากกว่าเพราะมันจะช่วยคุณประหยัดเงินในระยะยาว

เรตินอล กับ วิตามินซี  ใช้คู่กันได้ไหม

ต้องบอกก่อนว่า สาร 2 ตัวนี้คือแทบจะเรียกว่าเป็น Gold Standard Ingredients ของ skincare เพราะงานวิจัยเยอะและดี ทั้งคู่

การใช้ คู่เนี้ยเป็นอะไร ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่เพราะ pH ที่ไม่เท่ากันเนี้ยเลยเกิดปัญหาขึ้นว่า ใช้ด้วยกันได้ไหมเมื่อก่อนเราเชื่อว่าการดูดซึมของ vit C ที่มี pH ต่ำๆ เนี้ยส่งผลต่อประสิทธิภาพของ retinol นี้คือ แต่ไม้ได้มีการทดสอบจริงๆว่า มันเป็๋นแบบนี้จริงไหม ในการทาจริงๆ

แต่ !!!! งานวิจัยใหม่ก็บอก ไม่จริงนะ การทา วิตามินซี + เรตินอล เนี้ย วิตามินซี ช่วยให้ เรตินอล เสถียรและลดการทำลาย เรตินอล ผ่าน อนุมูลอิสระด้วยนะ แถมยังมีประสิทธิภาพด้วยและก็มีงานวิจัยที่ศึกษาใช้ วิตามินซี + เรตินอล คู่กันพบว่ายังช่วยกระตุ้นโครงสร้างชั้นผิวไขมันเราให้ดีขึ้นเสริมประสิทธิภาพในเรื่องเสริมชั้นผิวด้วยนะ นอกจากผิวหมองก็ช่วยผิวให้ไปในทางที่ดีด้วยมีงานวิจัย ทดสอบ โดยการผสม เรตินอล + Vitamin C ก็พบว่ามีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็นของ Lo’real หรือ Revision Skincare หรือ Cliv พบว่ามีประสิทธิภาพหวังผลได้หมด(แม้จะเป็นงานวิจัยที่ทำโดยแบรนแต่ มีบางงานวิจัยทดก่อน พัฒนาทดสอบก่อนจะผลิตตำหรับของสินค้าใหม่ หรือ พัฒนาสินค้า ถ้าหากมันไม่ work เค้าไม่น่าจะลงทุนทำพัฬฒนาต่อหรอก ไม่คุ้มเสีย

เราเองก็อยากให้มีงานวิจัยแบบนี้กลุ่มแรก ทาเรตินอล กับ Vit C คนละเวลา ครึ่งซีก อีกกลุ่ม Retinol + Vitamin C ตัวเดียวกันทาพร้อมกัน คนละครึ่งหน้าแล้วมาดู ว่าค่าเฉลี่ยแต่ละกลุ่มแตกต่างกันใหม่ ( pair T test ) เทียบกัน เลย ถ้ามันไม่ต่าง แสดงว่า ทาพร้อมกันทาแยกไม่มีผล รอ งานวิจัยนี้อยู่เผือใครสนใจจะทำ และ ตีพิมพ์

บทสรุป เรตินอล คืออะไร เรตินอลช่วยเรื่องอะไร

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเซรั่มเรตินอลที่เราได้แนะนำไปในวันนี้ เราหวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ถูกใจได้นะคะ ปกติแล้วเซรั่มเรตินอลทำงานเพื่อลดริ้วรอยและเส้นริ้ว เรตินอลจะทำงานโดยการเพิ่มหลอดเลือดในผิวหนังซึ่งจะช่วยปรับสีผิว แต่เมื่อคุณใช้งานแล้วโปรดจำไว้ว่าเราไม่สามารถคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ภายในชั่วข้ามคืน การใช้ครีมเรตินอลนั้นควรใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์เพื่อสังเกตผล สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อและแต่ละสูตรแตกต่างกันไป ในบางยี่ห้ออาจมีประสิทธิภาพน้อยกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็เป็นไปได้ค่ะ

สำหรับการใช้งานนั้นไม่ยากมากค่ะ เซรั่มเรตินอลเป็นเซรั่มสูตรที่มีประสิทธิภาพแต่ไม่ควรใช้ทุกวัน คุณควรเริ่มใช้เซรั่มเรตินอลสัปดาห์ละครั้งจนกว่าผิวของคุณจะสร้างความทนทานของเซรั่มได้ หลังจากนั้นแนะนำให้ทาวันเว้นวัน ถึงแม้ว่าเซรั่มแต่ละยี่ห้อจะแนะนำให้ใช้กลางคืนแต่เซรั่มก็ทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้น ดังนั้นโปรดใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดในแต่ละวันด้วยนะคะ

เรื่องน่ารู้อื่นๆ